วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

11. รูปแบบการวิจัย (Research Design)

                http://cai.md.chula.ac.th/lesson/research/re12.htm  กล่าวว่าการจำแนกรูปแบบการวิจัย ตามวิธีการดำเนินการวิจัย สามารถแบ่งการวิจัยได้เป็น 2 รูปแบบใหญ่ ๆ คือ การวิจัยโดยการสังเกต (observational research) และการวิจัยเชิงทดลอง (experimental research) ขึ้นอยู่กับว่า ตัวแปรอิสระ ซึ่งอาจได้แก่ ปัจจัยเสี่ยง (risk factor หรือ exposure) หรือสิ่งที่เราต้องการประเมิน หรือทดสอบ (เช่น ยา วิธีการรักษา โครงการต่าง ๆ) ซึ่งเรียกว่า "สิ่งแทรกแซง" (intervention) นั้น ผู้วิจัยเป็นผู้กำหนด (assign) ให้กับตัวอย่างที่นำมาศึกษา หรือตัวอย่างที่นำมาศึกษานั้น ได้รับปัจจัยเสี่ยงนั้นอยู่แล้ว ในชีวิตประจำวัน หรือได้รับอยู่แล้ว ตามธรรมชาติ (ที่เรียกว่า natural exposure) โดยที่ผู้วิจัย ไม่ได้เข้าไปควบคุม หรือแทรกแซงแต่อย่างใด
                การวิจัยใดก็ตาม ที่ผู้วิจัยมีการ กำหนดปัจจัยเสี่ยง หรือกำหนดสิ่งแทรกแซง ให้กับตัวอย่างที่นำมาศึกษา แล้วติดตามดูผล ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การวิจัยชนิดนี้ เรียกว่า การวิจัยเชิงทดลอง
                การวิจัยใดก็ตาม ที่ผู้วิจัยไม่มีการกำหนดปัจจัยเสี่ยง หรือสิ่งแทรกแซง ให้กับตัวอย่างที่นำมาศึกษา แต่ตัวอย่างเหล่านั้น ได้รับ หรือสัมผัส กับปัจจัยเสี่ยงนั้น ๆ อยู่แล้ว ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเขา โดยผู้วิจัย เป็นแต่เพียงเฝ้าติดตาม สังเกตดูผลที่จะเกิดขึ้น การวิจัยที่เป็นแต่เพียง การเฝ้าสังเกตนี้ จึงได้ชื่อว่า การวิจัยโดยการสังเกต (observational research)
                การวิจัยโดยการสังเกต สามารถจำแนกได้เป็น 2 ชนิด ขึ้นอยู่กับว่า การวิจัยนั้น มีกลุ่มควบคุม (Control group) หรือ กลุ่มเปรียบเทียบ (comparison group) หรือไม่ดังนี้
                ก. การวิจัยโดยการสังเกตเชิงพรรณนา (Observational Descriptive Studies) เป็นการวิจัยโดยการสังเกต ที่ไม่มีกลุ่มเปรียบเทียบ อาจจำแนกได้เป็น 2 ชนิด ตามเกณฑ์ลำดับเวลาที่ศึกษา คือ
(1) การวิจัยเชิงพรรณา ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง (แบบตัดขวาง) (Cross-sectional Descriptive Studies)
(2) การวิจัยเชิงพรรณนาระยะยาว (Longitudinal Descriptive Studies)
                ข. การวิจัยโดยการสังเกตเชิงวิเคราะห์ (Observational Analytic Studies) เป็นการวิจัยโดยการสังเกต ที่มีกลุ่มควบคุม หรือกลุ่มเปรียบเทียบ อาจจำแนกได้เป็น 3 แบบ ตามเกณฑ์ของเวลาที่ีศึกษา
(1) การวิจัยเชิงวิเคราะห์ชนิดไปข้างหน้า (Prospective Analytic Studies หรือ Cohort Studies) เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์ ที่เริ่มศึกษาจากเหตุ ไปหาผล
(2) การวิจัยเชิงวิเคราะห์ชนิด
(3) การวิจัยเชิงวิเคราะห์ ณ จุดเลาใดเวลาหนึ่ง (Cross-sectional Analytic Studies) เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์ ที่ผลและเหตุเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ในจุดที่ทำการศึกษา ไม่ทราบว่าใครเกิดก่อน เกิดหลัง
                การเลือกรูปแบบการวิจัย ให้สอดคล้องกับคำถามของการวิจัย ได้สรุปไว้ในดังนี้
คำถามหรือวัตถุประสงค์ของการวิจัย
รูปแบบการวิจัยที่ควรเลือก
1. ศึกษาขนาดของปัญหา
2. ศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติของโรค
3. ศึกษาคุณสมบัติของเครื่องมือในการวินิจฉัยโรค
4. ศึกษาต้นเหตุของโรค
5. ประเมินผลการให้บริการ
การวิจัยโดยการสังเกตเชิงพรรณนา
การวิจัยโดยการสังเกตเชิงพรรณนา
การวิจัยโดยการสังเกตเชิงพรรณนา
การวิจัยโดยการสังเกตเชิงวิเคราะห์
การวิจัยโดยการทดลอง


                http://kalai.exteen.com/20051124/entry-6  กล่าวว่ารูปแบบการวิจัย (Research Design) หมายถึง แผน โครงสร้าง และยุทธวิธี ในการศึกษาค้นคว้าเพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบต่อปัญหาที่ต้องการวิจัย

               ศ.บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์ (2533:16).ได้กล่าวว่า รูปแบบการวิจัย(Research Design)เป็นการสำรวจให้ทราบว่าประเด็นปัญหาในทำนองที่สนใจนั้น มีใครทำวิจัยโดยใช้รูปแบบการวิจัยอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับตัวแปรที่ศึกษามีอะไรบ้าง มีการควบคุมตัวแปรภายนอกอย่างไร มีอะไรบ้างเป็นประชากร สุ่มเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการอย่างไร เก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างไร ใช้สถิติอะไรบ้าง


                สรุป        รูปแบบการวิจัย เป็นแบบการวิจัยจะช่วยให้ผู้วิจัยสามารถหาคำตอบของปัญหาที่ต้องการศึกษาค้นคว้าได้อย่างถูกต้องแบบการวิจัยมีหลายแบบด้วยกันเป็นการสำรวจให้ทราบว่าประเด็นปัญหาในทำนองที่สนใจนั้น มีใครทำวิจัยโดยใช้รูปแบบการวิจัยอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับตัวแปรที่ศึกษามีอะไรบ้าง มีการควบคุมตัวแปรภายนอกอย่างไร มีอะไรบ้างเป็นประชากร สุ่มเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการอย่างไร เก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างไร ใช้สถิติอะไรบ้าง การวิจัยออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2  2  ประเภท คือการวิจัยเชิงพรรณนา และการวิจัยเชิงทดลอง
        1.  การวิจัยเชิงพรรณนา  (Descriptive research) จะมีรูปแบบของการวิจัยที่ไมjมีแบบแผนตายตัวทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบของการวิจัยนั้นๆ โดยการวิจัยประเภทนี้จะเป็นการค้นคว้าหาความจริงของสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อขจัดความไม่รู้ให้หมดไป ในการตอบปัญหานั้นการวิจัยประเภทนี้จะไมตอบปัญหาว่าทำไม แต่จะตอบปัญหาว่าอย่างไร โดยไม่มีการควบคุมตัวแปรหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องแต่อย่างไร
        2.  การวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) เป็นการวิจัยที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อทดสอบความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างตัวแปรลักษณะของการวิจัยเชิงทดลอง จะมีองค์ประกอบไปด้วย 3 ประการคือ มีการจัดกระทํา (Manipulation)  มีการควบคุม (Control)  มีการสังเกตและวัดผลที่เกิดขึ้น(Observation)

..................................................................................................................................................................................................
อ้างอิง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น